“รมช.มนัญญา ควง พี่ชาย มอบงาน3กรม ลั่นยกเลิก3สารอันตรายข้อมูลต้องชัดภายใน15วัน
จวก กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานอนุญาตนำเข้าสารเคมี ดร.เต็มกรมกลับนั่งเงียบ มัวแต่อ้างโยน ก.อุตสาหกรรม”
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างให้นโยบายหน่วยราชการที่ดูแล คือ กรมวิชาการเกษตร(กวก.) , กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่จังหวัดอุทัยธานี ว่า กรมวิชาการเกษตรดูแลสินค้าการเกษตรทุกอย่างในขบวนการผลิต แต่กรมวิชาการเกษตรเป็นกรมที่เงียบมากทั้งที่ทำงานสำคัญ คนเก่งเป็นดอกเตอร์ก็เยอะ ห้องแลปทางวิชาการก็ทันสมัยแต่ไม่ได้เปิดตัวออกมา ดังนั้นต่อไปขอให้ทำงานเชิงรุก ต้องช่วยดูด้วยว่าจะส่งเสริมการค้าขายของไทยอย่างไร และทำอย่างไรจะรักษาประโยชน์ของเกษตรกรไทย เพราะขณะนี้กลายเป็นว่าสินค้าเกษตรต่างประเทศเข้าไทยง่าย แต่ไทยส่งออกยาก
“ อย่าอ้างเรื่องการค้าเสรี เพราะทุกประเทศก็ทำ แต่เราก็ต้องดูด้วยว่า ทำอย่างไรให้นำเข้ากันง่ายๆจนแมลงระบาดหรือทำลายเกษตรกรบ้านเราเอง เหมือนแก้วมังกรวันนี้กินของกัมพูชากัน และอื่นๆจากหลายประเทศทำไมเข้าง่าย ต่างประเทศเงื่อนไขเยอะ ก็เราต้องมีกับเขาด้วย เกษตรกรไทยไม่ได้แย่ แต่เราเสียเปรียบที่วิธีการ ขอให้กรมที่เก่งด้านวิชาการช่วยกัน รมช.คือผู้กำกับนโยบาย และทำงานร่วมกัน เหมือนที่นายกกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ดิฉันต้องการให้เกษตรกรไทยอยู่ดีกินดี มั่งคง ยั่งยืน ทักคนต้องช่วยกันทำ” รมช.เกษตรฯกล่าว
รมช.เกษตรฯกล่าวว่า กรณีเรื่องสารเคมีเกษตรทั้ง 3 ตัวว่ามีพิษ จะมากหรือน้อย กรมวิชาการเกษตรต้องออกมาเปิดข้อมูล การระดมความเห็น การให้ความสำคัญเพราะทุกอย่างเหมือนเหรียญสองด้าน วันนี้มีคำถามว่า เราจะยกเลิกสาร 3 หรือไม่ แล้วกรมวิชาการเกษตร (กวก.)จะบอกว่าเป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้ เพราะกวก.คือผู้ให้ใบอนุญาต ก็มีคนถามอีกจะเลิก 3 สารแล้วจะอบรมทำไม ก็ต้องชี้แจงออกมา ว่าต้องการให้ความรู้เกษตรกร ต่อการปฏิบัติในการใช้สาร ก็ต้องชี้แจง สารเคมีพิษมาก ทำลายอะไรได้ที่เกษตรกรไม่ต้องการ แต่ก็มีสารที่ไปช่วยกำจัดความรำคาญของเกษตรกรได้เป็นทางเลือก ก็ต้องบอกสังคม ดิฉันเองสนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์ไม่ต้องซื้อของนอก ปุ๋ยอินทรีย์ไม่ทำลายดิน บำรุงรักษาดิน ต่อไปผลผลิตจะมากขึ้น โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นครัวของโลก สินค้าของเราต้องปลอดภัยจากสารเคมี
รมช.เกษตรฯกล่าวด้วยว่า เรื่อง 3 สารขณะนี้ขอให้รอคณะกรรมการที่ได้ตั้งขึ้นมาให้เวลาศึกษารวบรวมข้อมูล 15 วันก็จะชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะต้องการเลิกทั้ง 3 สารในปีนี้ แต่เราก็ต้องฟังข้อเท็จจริงด้วย เพราะฉะนั้นขอให้ใจเย็น
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า เรื่องสารเคมี ขอให้ใช้ความจริงพูดกัน เพราะหากใช้สารตัวไหนแล้วราคาถูก แต่หากใช้ตัวใหม่ราคาเป็นพัน ก็ต้องคิดเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกร ดังนั้นเรื่องการให้ความรู้เพื่อการใช้สารที่ถูกต้อง หรือจำกัดการใช้ จำกัดการเข้าถึง อันนี้ก็สำคัญ
“สารเคมี ที่กวก. ดูแล เมื่อเช้าไปงานดูเกษตรกรหักข้าวโพดใส่ถุง แค่หิ้วสารเคมีเดินผ่านใบยังเหลืองเลย ผมยังบอกว่าโห แบบนี้เลยเหรอ เกษตรกรก็บอกกใช่ เราไม่หักกัน เราก็ดูหลักวิชาการ เอาหลักการ เอาตรรก มาดูกัน เปลี่ยนการใช้สารแล้วเป็นงัย เกษตรกรเป็นงัยเพราะมีหลากมิติ เกษตรกรใช้สารอะไรวันนี้ใช้ต้นทุน 300 บาท ถ้าเปลี่ยนแล้วกิโลกเป็นพันบาท ก็ต้องดู มีคนปล่อยข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะทำปุ๋ย ไม่มีหรอกครับ ผมคิดไม่เป็น ใครไม่เห็นด้วยไม่ใช่ศัตรูกัน สู้กันด้วยวิชาการ ขบวนการใต้ดินในไทย ผมรู้หมด เพราะสู้ด้วยความถูกต้อง พี่น้องชาวอุทัยฯเห็นผมหมด ทั้งชีวิตโดนโจมตีมาตลอด แต่ไม่ทะเลาะกันเพราะสังคมไทยแตกแยก ทุกอย่างต้องพูดด้วยความจริงบนพื้นฐานที่ถูกต้อง วันนี้สารเคมีจะเอามาราดแผ่นดินเหรอ เราต้องคิด อะไรต้องใช้ก็ต้องใช้ แต่จำกัดการใช้ และควบคุม แนะนำการใช้ และปุ๋ยก็ไม่ควรแพง เพราะคนกลัวตายทั้งหมด ไม่ใช้เฉพาะคนรวย โลกเปลี่ยน เกษตรกรอินทรีย์ก็ต้องเริ่มทำในจุดที่ทำได้ กวก. ต้องปกป้องคนไทยและใช้มาตรการมาดูแล อธิบดีทุกคนวันนี้เราเชื่อมือ แต่ต้องปรับตัวเชิงรุกมากขึ้น ในช่วงที่พรรคภูมิใจไทย ทำงาน ไม่ต้องห่วง ทำงานให้ดี จะได้รับการดูแล ไม่ต้องมาวิ่งเต้น ทำงานให้มีความสุข ก็ต้องช่วยกันทำงาน” นายชาดากล่าว
