“ร้อยเอก ธรรมนัส” เปิดสัมมนารวมพลังเครือข่ายสหกรณ์และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ปลดล็อคกับดักกฎกระทรวงฯ ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยหลักคิด WIN : WIN เดินหน้าแก้ระเบียบข้อกฎหมายให้ทันต่อยุคปัจจุบัน

“ร้อยเอก ธรรมนัส” เปิดสัมมนารวมพลังเครือข่ายสหกรณ์และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ปลดล็อคกับดักกฎกระทรวงฯ

ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยหลักคิด WIN : WIN เดินหน้าแก้ระเบียบข้อกฎหมายให้ทันต่อยุคปัจจุบัน

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ร่วมกับ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) สมาพันธ์สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (สฌท.) ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย (ชสอค.) และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย (ชสค.) ร่วมจัดสัมมนา : รวมพลังเครือข่ายสหกรณ์และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ : ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยหลักคิด WIN : WIN จาก 3 กระทรวงหลัก 4 องค์กรขับเคลื่อน อีก 109 เครือข่ายสนับสนุน ณ ห้องไดมอนด์ ฮอลล์ ชั้น 5โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด และ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์ฯ กล่าวรายงาน โดยมีนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้แทนจาก 5 องค์กรขับเคลื่อน ได้แก่ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาพันธ์สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้แทนสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องไดมอนด์ ฮอลล์ ชั้น 5 โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้จัดโดย 5 องค์กรขับเคลื่อน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดเห็นและสรุปปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงานของสหกรณ์ ภายใต้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่นายทะเบียนสหกรณ์ และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทำหน้าที่นายทะเบียนกลาง โดยพบว่ามีปัญหาที่เกิดจากกฎกระทรวง ระเบียบ คำแนะนำนายทะเบียน และกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพการดำเนินงานจริง จึงต้องเร่งแก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องที่มีต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งระบบ รวมถึงวิกฤตหนี้สินของสมาชิก และปัญหาหนี้สินของข้าราชการครู เพื่อนำไปจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายแบบบูรณาการ เสนอต่อ 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้หลักการ WIN : WIN ที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีขบวนการสหกรณ์ทั่วประเทศ 6,300 สหกรณ์ มีสมาชิกรวมกว่า 11.86 ล้านคน แต่ยังมีข้อจำกัดด้านกฎหมายที่กระทบต่อการดำเนินงาน จึงจำเป็นต้องร่วมกันทบทวนกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถาบันเหล่านี้และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง พร้อมย้ำว่าจะเร่งขับเคลื่อนการแก้ไขทั้งกฎหมายหลักและกฎหมายรอง อาทิ กฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศต่าง ๆ โดยใช้เวทีสัมมนาครั้งนี้เป็นพื้นที่ระดมข้อคิดเห็นและข้อเสนอจากทุกภาคส่วน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครู และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายทั้งในส่วนของกฎหมายหลักและกฎหมายรองให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

“เราต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาหนี้ครูและระบบสวัสดิการอย่างเร่งด่วน เรื่องใดที่สามารถทำได้ ต้องทำทันที เพราะความเดือดร้อนสุดท้ายตกอยู่กับพี่น้องครู และกลายเป็นความขัดแย้งในสหกรณ์แต่ละแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ หรือกลุ่มอื่น ๆ จึงขอฝากไปยังสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคี เราต้องก้าวไปสู่ความยั่งยืนตามหลัก ‘WIN : WIN’ คือ ภาครัฐ สหกรณ์ และสมาชิกชนะไปด้วยกัน นี่คือหัวใจสำคัญของการจัดงานและความร่วมมือในวันนี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว


ทั้งนี้ภายในการสัมมนา มีการนำเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางที่ต้องการของ5 องค์กร ประกอบด้วย  นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) กล่าวว่า ขบวนการสหกรณ์ทั้งประเทศมีสมาชิกรวมกว่า 11.86 ล้านคน และสินทรัพย์รวมกว่า 4.1 ล้านล้านบาท การจัดสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมกันนำเสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อแก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องที่มีต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งระบบ และวิกฤตหนี้สินของสมาชิกโดยนำเสนอประเด็นปัญหาทางกฎหมาย อาทิ การจำกัดเขตพื้นที่ดำเนินงาน (กฎกระทรวงฯ กำหนดลักษณะ วัตถุประสงค์ และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการของสหกรณ์แต่ละประเภทที่จะรับจดทะเบียน พ.ศ. 2567) /การบังคับให้ผู้จัดการสหกรณ์พ้นจากตำแหน่ง (ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยการกำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งฯ ปี 2565) /การเงินและการลงทุนของสหกรณ์(กฎกระทรวงว่าด้วยการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนพ.ศ.2567)/วิกฤตหนี้สินครูและแนวทางการแก้ไขปัญหา ว่าด้วย ระเบียบการหักเงินเดือน 30 % การแก้ไขปัญหาหนี้บำเหน็จค้ำประกัน และโครงการกองทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และเรื่องการจัดสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ ขอให้ แก้ไขประกาศกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ผลักดันพระราชบัญญัติฌาปนกิจสงเคราะห์เร่งรัดการออกกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อความชัดเจนและเป็นสากลในการบริหารงาน และการตีความการับฝากเงินให้สามารถฝากเงินกับสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ได้เพื่อบริหารเงินกองทุนให้งอกเงย

ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) ประเด็นปัญหาการแก้ไขกฎกระทรวง/ระเบียบ และคำสั่งนายทะเบียน โดยนำเสนอ แนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนประกอบด้วยเรื่อง ขนาดสหกรณ์ ต้องได้รับการแก้ไข,สัดส่วนการลงทุน, ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ยกเลิกเรื่องวาระผู้จัดการสหกรณ์ วาระกรรมการ (มาตรา 50) ต้องได้รับการแก้ไข

นายสมพล ตันติสันติสม ประธานสมาพันธ์สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (สฌท.) นำเสนอแนวทาง แก้ไข ประกาศฯ เรื่อง วิธีการจ่ายเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ใช้จ่าย, การเก็บรักษาเงินของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. ตามร่างที่เสนอ / ควรปรับอัตราศพ ตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์พ.ศ. 2547 จากเดิมเพิ่มแต่ละระดับตามร่าง/ เสนอให้กระทรวงฯ ออกหนังสือแจ้งให้ทางสมาคมสามารถแจ้งสมาชิกได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติงาน

นายอุทัย ศรีเทพ ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย (ชสอค.) นำเสนอประเด็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูไทยที่เกิดจากระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการหักเงินเดือนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ส่งผลต่อการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีผลกระทบไปถึงสมาชิก รวมไปถึงหนี้บำเหน็จค้ำประกันทำให้สมาชิกสหกรณ์สร้างหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ เป็นศูนย์กลางหาวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือให้ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด เป็นศูนย์กลางในการกระจายเงินลงไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครู นอกจากนี้ต้องสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีวินัยทางด้านการเงิน และการออมเพื่อความสุขของชีวิตการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จึงจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

นายธิบดี ศรีสมบัติ ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย (ชสค.) กล่าวถึง ผลกระทบจากกฎกระทรวงเรื่อง การจำกัดเขตพื้นที่ดำเนินงานที่กำหนดให้สหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยนเฉพาะในอำเภอเดียวกัน เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเลือกใช้บริการสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพก่อให้เกิดการผูกขาดในเขตพื้นที่ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ/ กฎกระทรวงข้อ 30, ข้อ 31 ส่งผลต่อการจัดหาปัจจัยการผลิตและสินค้ามาจำหน่ายแก่สมาชิก

ภายหลังการนำเสนอปัญหาแนวทางแก้ไข ได้มีการยื่นเอกสารรวมถึงรับฟังนโยบายจาก 3 กระทรวงหลัก จาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เพื่อหารือและหาทางออกร่วมกันซึ่งจากการนำเสนอของทุกหน่วยและภาครัฐได้ข้อสรุปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบสหกรณ์ล้มเหลว แต่เกิดจาก กับดักกฎระเบียบ (Regulatory Trap) ที่ไม่ยืดหยุ่น และการขาดสภาพคล่องในกลุ่มเปราะบางบางกลุ่ม การแก้ไขตามข้อเสนอข้างต้น โดยเฉพาะการปลดล็อคข้อจำกัดการลงทุนและการแก้หนี้สินครู จะช่วยให้ระบบสหกรณ์ทำหน้าที่เป็น “ตาข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net) ให้กับประชาชนฐานรากได้อย่างแท้จริง