ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 โชว์ผลกำไรกว่า 1,966 ล. ปันผลสมาชิก 5.3 % เฉลี่ยคืน 4.0%
“เฉลิมชัย” ย้ำคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ บริหารงานโปร่งใส มีธรรมาภิบาล นำพาสหกรณ์ไปสู่ความสำเร็จ เกิดความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่น นักสหกรณ์ออมทรัพย์ดีเด่น และสหกรณ์สมาชิกสนับสนุนการใช้บริการ ชสอ. ณ อาคาร IMPACT Challenger Hall 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ชสอ. เป็นสถาบันการเงินของประชาชน ที่ก่อตั้งและดำเนินการโดยประชาชน เพราะประชาชนทั้งหลายเป็นเจ้าของ แม้จะเป็นโดยอ้อมในฐานะสมาชิกของสหกรณ์ แต่ก็ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกเหล่านั้นเป็นอย่างมาก จึงจะต้องทำให้ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ มีความเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงและการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของประชาชนด้วย อย่างไรก็ตาม ในหลายปีที่ผ่านมานี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ของประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทายที่สำคัญคือความน่าเชื่อถือของผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์โดยรวม ผู้บริหารที่จะเข้ามาบริหารงานต้องบริหารงานด้วยความโปร่งใส ด้วยหลักธรรมาภิบาล ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในสังคม และสามารถนำพาสหกรณ์ไปสู่จุดมุ่งหมายได้
สำหรับในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล ซึ่งจะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกันดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ และกระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะเข้าไปดูแลและให้คำแนะนำ เพื่อให้สหกรณ์บรรลุเป้าหมาย คือความสำเร็จของสหกรณ์ทั้งหมดในประเทศ อีกทั้งมุ่งหวังให้สหกรณ์ออมทรัพย์ของไทยจะต้องมีความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนตลอดไป
ด้านพล.ต.ท.วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. กล่าวว่า การบริหารงานในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา ชสอ. มีสหกรณ์สมาชิก 1,099 สหกรณ์ มีสินทรัพย์รวม 153,781 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนถึง 20,492 ล้านบาท บริหารสินทรัพย์ให้เกิดกำไรสุทธิ 1,966 ล้านบาท สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 5.30% และเงินเฉลี่ยคืนในอัตรา 4.00% ซึ่ง ชสอ. ได้จัดทำระบบธรรมาภิบาลในการบริหารงานตามแนวทางของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งผลการประเมินอยู่ในระดับดีเลิศ ส่งผลให้ ชสอ. สามารถรักษาระดับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กร จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A- แนวโน้มอันดับเครดิต : คงที่ (Stable) ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและการบริหารของ ชสอ. ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ชสอ. ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐจัดทำหลักสูตรการเงิน การบัญชี และการบริหารสำหรับกรรมการและผู้จัดการสหกรณ์ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติ โดยกำหนดให้ขึ้นทะเบียนรายชื่อกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่าเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ และร่วมกับขบวนการสหกรณ์ไทย จัดทำข้อเสนอต่อร่างกฎกระทรวงตามมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2562 เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการออมของสหกรณ์ทั่วประเทศ และได้จัด “โครงการ ชสอ. รวมใจ สหกรณ์ไทยสู้ภัยโควิด–19” โดยสนับสนุนงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 3,300,000 บาท เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังสมทบทุนช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด–19
“ชสอ. มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรของสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้มีความรู้ความสามารถ ส่งเสริมให้ ระบบธรรมมาภิบาล ทั้งในส่วนของคณะกรรมการดำเนินการ ผู้ตรวจสอบกิจการ และฝ่ายจัดการ พัฒนาตามเกณฑ์คุณภาพบริหารจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ พัฒนา ชสอ. ให้มีความเจริญก้าวหน้า เป็นที่พึ่งให้แก่สหกรณ์ พัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน”ประธานกรรมการดำเนินการ ชสอ. กล่าว
สำหรับผลการเลือกตั้งปีนี้เป็นไปตามคาด ทีมพลังรักษ์สหกรณ์ ชนะยกทีม โดยมีผลการเลือกตั้งดังนี้ 1. นายพิทยา ทิพยโสตถิ 525 คะแนน 2 นายนพดล อินปา 525 คะแนน 3. นายวิทยา ประเทศ 518 คะแนน 4 นายธงชัยพุทธมอญ 514 คะแนน 5. พลเอกจำนงค์จันพร 508 คะแนน 6 ดาบตำรวจเดชาวัฒน์อุ่นสอน 503 คะแนน 7. นายกิตติเกิดโสภา 483 คะแนน 8. นายศิริวัฒน์อินทรมงคล 450 คะแนน โดยมี ผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ประกอบไปด้วยผู้แทนสหกรณ์ทั่วประเทศ ซึ่งมารับฟังผลการดำเนินงานของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทยและมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ตามหลักประชาธิปไตย ซึ่งเป็นไปตามหลักการและวิธีการสหกรณ์