สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำแผนงาน/โครงการ ภายใต้ กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศในด้านต่างๆ ประจำปี 2563​

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำแผนงาน/โครงการ ภายใต้ กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศในด้านต่างๆ ประจำปี 2563​

 

วันจันทร์ที่(1มิ.ย.63)​เวลา​ 09.30​ น.นายอนุชิต ชนะวัฒน์ปัญญา วัฒนธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด , นางสาวพิมพ์ปวีณ์ ยอดแก้ว ผอ. กลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม, นายศักดิ์ศรี ไชยกรุฉินผอ. กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม, นายชัยภัทร บรรพชาติ มีศิริ ผอ. กลุ่มกิจการพิเศษ โดยมี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นประธานฝ่ายสงฆ์พระพุทธิสารมุนี เจ้าอาวาสวัดบ้านเปลือยใหญ่ พร้อมผู้นำชุมชนภายในเขตพื้นที่ต่างๆเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เพื่อจัดเตรียมแผนเสนอแผนให้แล้วเสร็จในวันนี้ สำนักงานวัฒนธรรมมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการคู่มือการเสนอโครงการภายใต้กรอบนโบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)​

 

ตามที่ ครม. ได้มีมติเห็นชอบกรอบนโยบายการพื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ ตามที่สศช. เสนอโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 นั้น เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบนโยบายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่การใช้จ่ายเงินภายใต้แผนการพื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในด้านต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์​ที่กำหนดไว้ตามพระราชกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานจึงได้จัดทำคู่มือการเสนอโครงการภายใต้กรอบนโยบายเพื่อให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดข้อเสนอแผนงานก็โครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามชั้นตอนต่อไป ดังนี้
1. แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท
1.1 เหตุผลความจำเป็น การใช้จ่ายเงินกายใต้พระราชกำหนดฯ มีวัตถุประสงค์ในการพยุงเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ เมืองานกรารับรองได้ติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้แก่การหดตัวของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบ​โดยตรงต่อครื่องยนต์ทางศรษฐกิจทั้งในภาคการผลิต ภาคการบริการ และภาคการส่งออกไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ทำให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่ยังคง
มีสถานการณ์การระบาดทั่วโลกเหลือเพียงการใช้ทรัพยากรของภาครัฐและความสามารถในการจัดหาทรัพยากร ในการพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่วิกฤตที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยฉพาะการจัดงาน การประกอบอาชีพของประชาชน และการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ทำให้ในระยะสั้นจำเป็นต้องลดผลกระทบของประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม และให้ควสมช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและ
ขนาดย่อมให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพื่อรักษาการงานในภาพรวมของประเทศ

นอกจากนี้ แนวโน้มความปกติใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว
ต่างประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาสู่การสร้างความเข้มแข็ง​ของเศรษฐกิจภายในประเทศโดยดำเนินการ อย่างมีเหตุผล พอประมาณ และมีภูมิคุ้มกัน​ตามหลักปรัชญาของเศรษกิจพอพียง เพื่อสร้างความเข้มแข็งของประเทศจากภายใน และช่วยให้มีความสามารถในการต้านทานลดกระทบ (Rele) จากวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดในประเทศ และในระดับโลก
ยังมีความไม่แน่นอนของการสิ้นสุดการระบาด และยังคงมีความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจเกิดการระบาดซ้ำ

ดังนั้น การใช้จ่ายเงินภายใต้พระราชกำหนดฯ จึงควรต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดในแต่ละช่วงเวลา

 

สำหรับกิจกรรมนี้ จัดขึ้น ณ ห้องประชุม วัดบ้านเปลือยใหญ่ ตำบลรอบเมือง อำภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีส่วนราชการเข้าร่วมกว่า 12 หน่วยงาน และมีพี่น้องเครือข่ายชุมชนคุณธรรมต้นแบบ ชุมชนละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 50 คน กล่าวได้ว่าในส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดได้แจ้งหลักการการจัดทำแผนภายใต้กรอบนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมของประเทศในด้านต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 โดยให้ความสำคัญต่อสาขาเศรษฐกิจของประเทศที่ยังมีความได้เปรียบและต่างประเทศยังมีความต้องการเช่นเกษตรมูลค่าสูงเกษตรแปรรูปอุตสาหกรรมอาหารแหล่งและบริการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและยั่งยืนอุตสาหกรรมการบริการรวมทั้งให้ความสำคัญต่อกิจกรรมและธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพและโอกาส ผู้สื่อข่าวรายงานจากพื้นที่เพื่อแจ้งจังหวัดเพื่ออนุมัติงบประมาณต่อไปในครั้งนี้

 

 

คณิต ไชยจันทร์​ ภาพ/ข่าว