อดีตเลขาธิการส.ป.ก. ตั้งข้อสังเกต “ปารีณา” ไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ารังวัดและจัดสรรสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตั้งแต่มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 36/2559 แต่กลับเพิ่งแจ้งขอเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นี้ เตือนส.ป.ก. ระวังการจัดสรรสิทธิต่อไปต้องระวังการใช้นอมินี

อดีตเลขาธิการส.ป.ก. ตั้งข้อสังเกต “ปารีณา” ไม่ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ารังวัดและจัดสรรสิทธิ์ตามพ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ตั้งแต่มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 36/2559 แต่กลับเพิ่งแจ้งขอเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นี้ เตือนส.ป.ก. ระวังการจัดสรรสิทธิต่อไปต้องระวังการใช้นอมินี

 

นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส อดีตเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวถึงการครอบครองที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ราชบุรี ที่หมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขต พรฎ. กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งในวันนี้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการส.ป.ก. แถลงว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรีรายงานผลการตรวจสอบว่า น.ส. ปารีณาถือครองทำประโยชน์ เนื้อที่ 682ไร่ เข้าครอบครองเมื่อประมาณปี 2548-2549 โดยได้รับมาจากบิดา ดังนี้

– แปลง No.73 เนื้อที่ 417 ไร่ ใช้ประโยชน์ในการทำโรงเลี้ยงไก่
– แปลง No.75 เนื้อที่ประมาณ 190 ไร่ ใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงวัว ปลูกหญ้าเลี้ยงวัว
– แปลง CL.424 เนื้อที่ประมาณ 48 ไร่ ใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงวัว ปลูกหญ้าเลี้ยงวัว
– แปลง No.74 เนื้อที่ประมาณ 27 ไร่ ใช้วางมูลไก่

ส่วนฝั่งตรงข้ามกับที่ดินที่ น.ส.ปารีณาถือครองเป็นที่ดินแปลงย่อยบริเวณที่ติดถนนสายจอมบึง-ชัฏป่าหวาย มีผู้ถือครอง 16 ราย 20 แปลง เนื้อที่ประมาณ 222 ไร่ ส่วนที่ดินแปลงข้างเคียงทางทิศเหนือนั้นเป็นพื้นที่ที่ส.ป.ก. ได้อนุญาตให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์แล้วรวม 14 ราย 15 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 491 ไร่ โดยปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรีมีหนังสือแจ้งเกษตรกรผู้ได้รับอนุญาตรายแปล ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง เพื่อขอตรวจสอบการทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งมีเกษตรกรมาให้ข้อมูล 9 รายจากทั้งหมด 14 ราย โดยเกษตรกรทั้ง 9 รายยังเป็นผู้ถือครองและทำประโยชน์ด้วยตนเอง

นายสรรเสริญกล่าวว่า ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ส.ป.ก.ช่วงปี 2558-2559 ซึ่งตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก. ที่มีประมาณ 40 ล้านไร่ทั่วประเทศพบว่า จัดสรรไปแล้ว 36 ล้านไร่ เหลือที่ยังจัดสรรไม่ได้ 4 ล้านไร่ ในจำนวนนี้รังวัดแล้ว 2 ล้านไร่ ส่วนอีก 2 ล้านไร่ยังไม่ได้รังวัด ทั้งนี้เป็นการดำเนินงานต่อจากนายวีรชัย นาควิบูลย์วงศ์ อดีตเลขาธิการส.ป.ก. ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2554-2558 ที่ประสงค์ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า พื้นที่ 2 ล้านไร่ที่ยังไม่ได้รังวัดอยู่บริเวณใดบ้างเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์พบว่า หลายแปลงถูกยึดถือครอบครองโดยนักการเมือง นายทุน และผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นจึงได้สั่งเอาแผนที่ทั่วประเทศมาต่อกันจึงทราบว่า บริเวณใดยังไม่ได้รังวัด ส.ป.ก. ต้องการนำพื้นที่ที่ถูกครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายกลับคืนมาให้รัฐจึงเสนอพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้นให้ใช้คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 36/2559 ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญดำเนินการตามกฎหมายซึ่งพล.อ. ฉัตรชัยมีดำริยึดคืนที่ดินขนาด 500 ไร่ขึ้นไป ทางส.ป.ก. จึงกำหนดแนวทางดำเนินการโดยเรียกผู้ครอบครองมาแสดงตัว ถ้าไม่มาแสดงตัวหรือไม่มีหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ ตลอดจนครอบครองพื้นที่เกิน 500 ไร่ยึดคืนทันที

นายสรรเสริญตั้งข้อสังเกตว่า จากการที่นายวิณะโรจน์ระบุในการแถลงข่าวว่า น.ส.ปารีณาเพิ่งมีหนังสือแจ้ง ส.ป.ก. ขอเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นี้เอง เป็นไปได้ว่า ผู้ครอบครองอาจเกรงถูกที่ดินยึดคืนเนื่องจากครอบครองเกิน 500 ไร่ ที่ดินซึ่งน.ส. ปารีณาครอบครองยังไม่มีการรังวัด ทั้งที่แปลงข้างเคียงนั้น ส.ป.ก. อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์แล้ว หากเจตนาเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินต้องมาแสดงตัวตั้งแต่มีคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 36/2559 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส.ป.ก. เข้ารังวัดและนำสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิแล้ว โดยตามกฎหมายหากมีคุณสมบัติเป็นเกษตรกรจะได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ในที่ดินของส.ป.ก. ได้ไม่เกินรายละ 50 ไร่

ทั้งนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยทำหนังสือมาถึง ส.ป.ก.ว่า เหตุใดที่ดิน ส.ป.ก.จึงมีการครอบครองเกิน 50 ไร่ ซึ่งส.ป.ก.ชี้แจงกลับไปว่า ก่อนเป็นที่ของ ส.ป.ก.เป็นที่ของกรมป่าไม้มาก่อน โดยส่งมอบมาให้จัดสรร เมื่อ ส.ป.ก. รับมานั้นมีผู้ครอบครองมาก่อนแล้ว ซึ่งส.ป.ก. ต้องไปรังวัด ซึ่งผู้ครอบครองรายย่อยแสดงตัว แล้วได้รับหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ “ส.ป.ก. 4-01” ไป แต่ผู้ครอบครองรายใหญ่ไม่ยอมให้รังวัด เมื่อสอบถามไปยังผู้ใหญ่บ้าน แล้วผู้ใหญ่บ้านบอกชื่อผู้ครอบครองมา เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดบางส่วนทราบว่า เป็นผู้มีอิทธิพลจึงไม่ดำเนินการต่อ ต่อมาได้เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่และกำชับให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้านให้ระบุผู้ครอบครอง ทางผู้ใหญ่บ้านส่วนใหญ่ไม่ระบุว่าใครเป็นเจ้าของ โดยมีการช่วยปกปิดจากผู้ว่าราชการจังหวัดและปฏิรูปที่ดินจังหวัด ซึ่งพื้นที่ที่ถูกครอบครองอาจมีการแบ่งแปลงให้มีเนื้อที่ต่ำกว่า 500 ไร่ แต่อยู่ติดกันและครอบครองโดยบุคคลเดียวกันจึงใช้มาตรา 44 ยึดคืนไม่ได้หมด ทำให้ปัญหาการครอบครองที่ดินส.ป.ก. โดยมิชอบด้วยกฎหมายจึงเรื้อรังมาจนปัจจุบัน

นายสรรเสริญกล่าวต่อว่า การที่ส.ป.ก. จะแจ้งให้ น.ส.ปารีณาคืนที่ดินที่ครอบครองและทำประโยชน์ทั้งหมดให้ ส.ป.ก. นำมาดำเนินปฏิรูปที่ดิน ภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือเป็นแนวทางปฏิบัติของกฎหมายส.ป.ก. และหากครบกำหนดดังกล่าวแล้ว น.ส.ปารีณาไม่ส่งคืนที่ดิน ส.ป.ก.จะใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 36/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ซึ่ง ส.ป.ก. จะนำที่ดินไปจัดให้แก่เกษตรกรตามนโยบายจัดที่ทำกินชุมชนของรัฐบาล (คทช.) ต่อไปนั้นเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ส.ป.ก. จะต้องระวังไม่ให้เกิดการใช้ชื่อบุคคลอื่นมาครอบครองที่ดินแปลงย่อยๆ แทน แต่ผู้ใช้ประโยชน์ยังเป็นผู้ครอบครองเดิมซึ่งเข้าข่ายใช้นอมินีที่ไม่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรและผู้ยากไร้ที่ต้องการที่ดินทำกินอย่างแท้จริง