“แนวคิดพ่อดีเด่นแห่งชาติ 2568” เน้นคุณธรรมและแบบอย่าง สร้างรากฐานครอบครัวและสังคม

นางวราภัสร์ พรรณไพรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา ได้เปิดเผยความคืบหน้าในการมอบรางวัล “พ่อดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568” ซึ่งเตรียมจัดพิธีมอบรางวัลในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 นี้ โดยมุ่งเน้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ หลักการเป็นพ่อที่ดี ที่สร้างพลเมืองคุณภาพและเป็นแบบอย่างแก่สังคม โดยคณะกรรมการจัดงานฯ มุ่งหวังให้แนวคิดเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวไทยตามรอยเบื้อง พระยุคลบาทของในหลวง รัชกาลที่ 9

พล.อ.อ. ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี กล่าวว่า หัวใจสำคัญในการเลี้ยงดูบุตรคือ การสร้าง “คนดี” ที่พัฒนาตัวเอง ได้เสมอ โดยการเป็นพ่อที่เน้นการวางรากฐานทางคุณธรรมให้มั่นคง โดยถือว่าความดีเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่เด็กควรมี : สำหรับผม บทบาทของความเป็นพ่อคือการวางรากฐานชีวิตให้บุตรหลานเติบโตเป็น ‘คนดี’ ที่มีทั้งความรู้ ความสามารถ และความรับผิดชอบต่อสังคม ผมเชื่อว่าความดีเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่เด็กควรมี ผมจึงพยายามปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ เช่น การรู้จักขอบคุณ การแบ่งปัน ไปจนถึงเรื่องใหญ่ เช่น ความซื่อสัตย์ การรักษาวินัย และการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง”
พล.อ.อ ชลิต ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายในการเลี้ยงดูว่าต้องการความดีและความยั่งยืน: “ผมสอนเขาว่าไม่ได้ต้องการให้เขาเป็นคนเก่งที่สุด แต่ต้องการให้เขาเป็น คนดีที่พัฒนาตัวเองได้เสมอ เพราะคนที่รู้จักพัฒนาและปรับปรุงตัวเอง คือคนที่สามารถสร้างอนาคตที่มั่นคงได้ ผมเชื่อว่าสิ่งนี้สำคัญกว่าความสำเร็จชั่วคราวใด ๆ”
“ในเรื่องการเป็นแบบอย่าง ผมพยายามดำเนินชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ไม่โกง ไม่เอาเปรียบใคร เพื่อให้ลูกเห็นว่าการเป็นคนดีเริ่มต้นจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำให้เป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ผมให้ความสำคัญกับความรัก ความอบอุ่น และความมั่นคง เราพูดคุยกันเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องปัญหา ความรู้สึก หรือเรื่องราวในแต่ละวัน ผมเปิดพื้นที่ให้ลูก ได้คิด ได้ลอง และได้เรียนรู้จากความผิดพลาด” พล.อ.อ. ชลิต กล่าว

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้ก่อตั้ง บริษัทซิโน – ไทย และ บิดาของนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการในการเลี้ยงดูบุตร คือ การใช้ “คุณธรรมนำชีวิต” เพราะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ลูกเติบโตเป็นคนดีและมีคุณภาพต่อสังคม: “สำหรับผมนั้น บทบาทของความเป็นพ่อคือการเป็นทั้งผู้ให้ ผู้ปกป้อง และผู้ชี้นำทางชีวิตแก่บุตรหลาน และการเป็นแบบอย่างที่ดี รวมทั้งได้กล่าวเน้นย้ำถึงหลักการสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน เพราะผมเชื่อว่าคุณธรรมเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตเป็นคนดีและมีคุณภาพ… ผมจึงพยายามปลูกฝังความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน และรับผิดชอบให้กับลูกผ่าน การปฏิบัติจริง มากกว่าการสอนด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว”
นายชวรัตน์ ยังกล่าวต่ออีกว่า การส่งเสริมให้บุตรมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง: ผมมักบอกลูกเสมอว่า ‘คนที่เก่งกว่าเราในวันนี้ ก็คือเราในวันพรุ่งนี้’ เพื่อให้เขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดเริ่มต้นจากตัวเอง และเห็นว่าความสำเร็จเกิดจากความเพียรและความตั้งใจ ไม่ใช่เพียงพรสวรรค์หรือโชคชะตา” ในด้านการเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเป็นผู้นำ นายชวรัตน์ระบุว่า: “ในชีวิตประจำวัน ผมพยายามทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็น ทั้งการพูดจา การทำงาน และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ผมจึงตั้งใจทำทุกอย่างด้วยความจริงใจและโปร่งใส เพื่อให้เขาเห็นว่า ‘การทำดีไม่ต้องให้ใครเห็น แต่ผลของความดีจะปรากฏเสมอ’”

นายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด กล่าวว่า “การศึกษาคือมรดกล้ำค่าที่สุด” โดยเปิดเผยถึงหลักการสำคัญในการดูแลบุตรสาวทั้ง 3 คน และในบทบาทของความเป็นพ่อ นับตั้งแต่เมื่อผมได้สมรสและมีครอบครัว ผมให้ความสำคัญกับการมอบความรัก ความอบอุ่น และการอบรมเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม เพื่อให้บุตรเติบโตเป็นคนดี สามารถยืนหยัดด้วยตนเอง และเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวในอนาคต
นายพชร ยังกล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่ภรรยาของท่านเป็นถึงอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา: “ผมและภรรยาให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรเป็นอย่างยิ่ง… ผมจึงเชื่อมั่นว่า การศึกษาเป็นมรดกที่ล้ำค่าที่สุด ที่จะติดตัวบุตรไปตลอดชีวิต และเป็นพื้นฐานในการดำรงตนอย่างมั่นคงในภายภาคหน้า”ปัจจุบันบุตรสาวทั้ง 3 คนต่างประสบความสำเร็จอย่างสูงในการศึกษาและสร้างครอบครัวที่มั่นคงแล้ว นายพชร ทิ้งท้ายถึงผลลัพธ์ที่ส่งผลต่อสังคม: “ผมเห็นว่า สถาบันครอบครัวถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ครอบครัวถือเป็นจุดเริ่มต้นของสังคม หากเราสร้างครอบครัวได้ดี และเป็นแบบอย่างที่ดีของบุตรหลาน สังคมก็จะเรียบร้อยและน่าอยู่ หากคนไทยมีความคิดเช่นเดียวกันนี้ ความแตกแยกในครอบครัว
