“เลิศศักดิ์”ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด ลุยติดตามคดี สโมสรฟุตบอลฯ โยงเครือข่ายเว็บพนัน!
ย้ำจุดยืน “โปร่งใส – ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ – ยืนหยัดข้างประชาชน”

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร จัดการประชุมเพื่อติดตามข้อเท็จจริงใน กรณีอดีตประธานสโมสรฟุตบอลฯ นครศรี ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับการขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ และยังมีข้อสังเกตต่อคำสั่ง “ไม่ฟ้อง” ของพนักงานอัยการ ทั้งที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องอย่างชัดเจน
การประชุมนำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมด้วย นายดนุพร ปุณณกันต์ และนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ รองประธานฯ รวมถึงกรรมาธิการกว่า 15 คน โดยมีผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าวต่อที่ประชุม
นายเลิศศักดิ์ กล่าวย้ำว่า “คดีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่คือบททดสอบความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม เราจะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และสร้างสรรค์ เพื่อให้ประชาชนได้รับคำตอบที่ชัดเจน”
ที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า กรณีนี้มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสังคม เพราะเป็นหนึ่งในคดีที่ประชาชนจับตา ทั้งในด้านความชัดเจนของพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน และการอายัดทรัพย์สิน ที่ควรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีอคติ
**เทียบคดีสโมสร “นครศรีฯ” กับ “ลำพูนฯ เหตุใดคดีหนึ่งอายัดทรัพย์ 600 ล้าน แต่อีกคดีกลับ “นิ่งสนิท”
คดีอดีตประธานสโมสรลำพูน พบการดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินกว่า 221 รายการ มูลค่ารวม 671,354,974.93 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปปง. ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ขณะที่ในคดีของ อดีตประธานสโมสรนครศรีฯ แม้จะมีพฤติการณ์เชื่อมโยงเว็บพนันในลักษณะคล้ายกัน กลับยังไม่มีการอายัดทรัพย์ หรือความคืบหน้าทางกฎหมายที่ชัดเจน
โดย ประธานกรรมาธิการ รองประธานกรรมาธิการ เลขานุการกรรมาธิการ และที่ปรึกษากรรมาธิการ ได้สอบถามต่อ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้
1)สาเหตุที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องแตกต่างจากความเห็นพนักงานสอบสวน ในประเด็นใดบ้าง
2)ในสำนวนเรื่องนี้ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหากระทำผิดตามข้อกล่าวหา ในประเด็นใดบ้าง
3)พยานหลักฐานสำคัญในสำนวนการสอบสวน ที่ยืนยันว่าการกระทำผิดมีอะไรบ้าง
4)ความเห็นของพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องนั้น อ้างหลักฐานและเหตุผลอะไรบ้าง สามารถรับฟังหักล้างหลักฐานและเหตุผลของพนักงานสอบสวนได้ในทุกประเด็นหรือไม่
5)เหตุผลของผู้บัญชาการภาคที่โต้แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการนั้น เหมือนหรือแตกต่างจากความเห็นของพนักงานสอบสวนที่ความเห็นควรสั่งฟ้องในสำนวนการสอบสวน
6)กรณีการจับกุมทั้งสามคดี พนักงานสอบสวนได้รายงานไปยังสำนักงาน ปปง. ทั้งสามเรื่องหรือไม่อย่างไร และได้มีการติดตามผลการดำเนินการของสำนักงาน ปปง. หรือไม่อย่างไร
7)ได้ มีการสืบสวนขยายผลผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ผู้ถือครองทรัพย์สิน (ในส่วนของเส้นทาง ทางการเงิน หรือไม่ อย่างไร)
8)ในกรณีหากพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทางตำรวจต้องดำเนินการต่อไปอย่างไรจนสิ้นกระบวนการและปัจจุบันผลการดำเนินการทั้งสามคดีอยู่ในขั้นตอนไหน หรือมีเหตุขัดข้องในส่วนไหนหรือไม่อย่างไร
และสอบถามต่อผู้แทนจากอัยการสูงสุด ดังนี้
1)คดีนี้หลังจาก ผบ.ตร.มีความเห็นแย้งความเห็นสั่งไม่ฟ้องของอัยการเจ้าของสำนวนแล้ว กระบวนการตามกฎหมายต่อไปเป็นอย่างไร
2)กระบวนการก่อนการสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุด ต้องผ่านการกลั่นกรองของหน่วยงานใดในสำนักงานอัยการสูงสุดอีกหรือไม่ ถ้ามี หน่วยงานที่กลั่นกรองก่อนถึงอัยการสูงสุดมีหน่วยงานใดบ้าง และมีกรอบระยะเวลาในการพิจารณาในขั้นตอนเหล่านี้ไว้ด้วยหรือไม่ อย่างไร
3)ในคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ และตามกฎหมายอัยการสูงสุดมีหน้าที่ชี้ขาดความแตกต่างในความเห็นของพนักงานอัยการเจ้าของและความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยากทราบว่า หากอัยการสูงสุดมีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในความเห็นของอัยการสูงสุดนั้นจะต้องหักล้างความความเห็นและพยานหลักฐานของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในทุกประเด็นหรือไม่ และหากไม่หักล้างความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในทุกประเด็นแล้ว คำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุด จะถือว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ด้านตัวแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอัยการสูงสุดได้ตอบคำถามเกี่ยวกับคดีดังกล่าวโดย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการอำนวยการ บช. (สอท.) , พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา)ภ9 และเจ้าหน้าที่จากอัยการสูงสุด โดยมี นาย ธนวรรษ ว่องไวทวีวงศ์ อัยการอวุโส , นาย สุเทพ เยี่ยมศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญ , นายประทีป ศุภวิบูลย์ผล สนง. อัยการ ภ9
สำหรับคดีดังกล่าวต้องแยกเป็นสองคดี คดีแรกเป็นคดีของประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนฯ มีคำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.157 /2567 ลงวันที่ 6 ส.ค. 2567 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ส่วนคดีของทางอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรีฯได้แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.การพนันออนไลน์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และสั่งฟ้องต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดสงขลามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องอดีตประธานสโมสรฟุตบอลนครศรีฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและติดตามส่วนไหนเสร็จสิ้นก็ได้ดำเนินการส่งไปแล้วส่วนที่ยังไม่เสร็จสิ้นก็ยังต้องรอยังไม่ยืนยัน
โดยนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวสรุปวันนี้ว่าคำตอบชัดเจนยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด ยังไงแล้ว หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือ ความเห็นไม่ฟ้องของอัยการซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพนักงานสอบสวน ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องกันว่าการที่อัยการมีความเห็น “ไม่ฟ้อง” โดยไม่สามารถชี้แจงเหตุผลเชิงลึกต่อสาธารณะได้ อาจทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในกระบวนการพิจารณาคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คณะ กมธ. ยังคง“ยึดหลักโปร่งใส – ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ – ยืนหยัดข้างประชาชน” “โดยเราจะไม่ปล่อยให้คดีสำคัญที่มีผลกระทบต่อศรัทธาของสังคม ถูกกลบเงียบ กมธ.ชุดนี้จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบทุกมิติด้วยความโปร่งใส สร้างสรรค์ และกล้าชนกับทุกอิทธิพลเพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีคดีใดควรถูกละเลย
คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ย้ำหลักการสำคัญว่า การฟอกเงินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วย “เปลี่ยนเงินผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินสะอาด” ซึ่งหากปล่อยผ่าน ย่อมเท่ากับเปิดช่องให้ขบวนการอาชญากรรมเติบโตแบบไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ทุกคดีที่มีมูลความเชื่อมโยงกับฟอกเงินจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะมีเบื้องหลังเป็นใครก็ตาม
