กรมประมง…โชว์ผลสำเร็จ ดันไต๋รักษ์ชาติ สู่ Smart Master Fisher ยกระดับ “ผู้หาปลาเลี้ยงคน ผู้สร้างความมั่นคงทางอาหาร” สู่มาตรฐานสากล

กรมประมง…โชว์ผลสำเร็จ ดันไต๋รักษ์ชาติ สู่ Smart Master Fisher ยกระดับ “ผู้หาปลาเลี้ยงคน ผู้สร้างความมั่นคงทางอาหาร” สู่มาตรฐานสากล

กรมประมง เผยผลสำเร็จของการดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ควบคุมเรือประมงไทย เพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน” หรือ “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) จำนวนทั้งสิ้น 4 รุ่น รวมผู้ผ่านการฝึกอบรม 211 ราย จาก 22 จังหวัดชายทะเลทั่วประเทศ ยกระดับศักยภาพของผู้ควบคุมเรือให้มีความรู้ความเข้าใจ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของไทยอย่างยั่งยืน

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า…กรมประมง ได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญเพื่อยกระดับความรู้และทักษะของผู้ควบคุมเรือประมงไทยหรือไต๋เรือ โดยมอบหมายให้กองบริหารจัดการเรือประมง และการทำการประมง จัดฝึกอบรมหลักสูตร ผู้ควบคุมเรือประมงไทยเพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรมประมงในการพัฒนาศักยภาพของอาชีพประมงและเป็นการเชิดชู ไต๋เรือ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีเกียรติ คุณค่าและศักดิ์ศรี ในฐานะ “ผู้หาปลาเลี้ยงคน ผู้สร้างความมั่นคงทางอาหาร” สอดรับนโยบายของนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ให้ความสำคัญ ของอาชีพไต๋เรือไม่ใช่แค่ผู้ขับเคลื่อนเรือ แต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

โครงการดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ควบคุมเรือประมงให้มีความรู้ ความสามารถ และปลูกจิตสำนึกในการทำประมงอย่างรับผิดชอบ พร้อมยกระดับมาตรฐานการทำงานให้ทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งในด้านการบริหารจัดการทรัพยากร การปฏิบัติตามกฎหมาย ตลอดจนการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของแรงงานประมง และยังถือเป็นการเชิดชูและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไต๋เรือให้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีคุณค่า และมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศ โดยการจัดฝึกอบรมหลักสูตร ผู้ควบคุมเรือประมงไทยเพื่อการทำการประมงที่ยั่งยืน “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) มีผู้ผ่านการฝึกอบรมจำนวนรวมทั้งสิ้น 211 คน แบ่งเป็นจัดการฝึกอบรม แบ่งออกเป็น 4 รุ่น ครอบคลุมพื้นที่ทะเลทั้งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย

รุ่นที่ 1 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จำนวน 53 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมคามิโอ แกรนด์ จังหวัดระยอง

รุ่นที่ 2 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงฝั่งอันดามัน จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล จำนวน 52 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรม แคนทารี บีช เขาหลัก จังหวัดพังงา

รุ่นที่ 3 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยตอนล่าง จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน 54 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 19 – 21 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรม ลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา จังหวัดสงขลา

รุ่นที่ 4 ไต๋เรือประมงที่ทำการประมงอ่าวไทยตอนบน จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จำนวน 52 คน จัดอบรมไปเมื่อวันที่ 18 – 20 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม ไอสนุก รีสอร์ท แอนด์ สวีท หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

การฝึกอบรมดังกล่าวเป็นการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะแก่ผู้ควบคุมเรือประมงไทยให้เป็น “Smart Master Fisher” โดยมีเนื้อหาการอบรมครอบคลุมทั้งด้านกฎหมายและนโยบายการประมง การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนงานประมง ระบบติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) การส่งเสริมสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกเรือ รวมถึงแนวทางการประมงที่ยั่งยืนตามหลักการขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) นอกจากนี้ จากการสำรวจข้อมูลผู้เข้าอบรม พบว่า กลุ่มที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ใช้เครื่องมืออวนล้อมจับ คิดเป็นร้อยละ 32.70 รองลงมาคือ กลุ่มเครื่องมือลากแผ่นตะเฆ่ ร้อยละ 25.12 และกลุ่มเครื่องมืออวนครอบหมึก ร้อยละ 15.64 โดยทุกกลุ่มล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญที่มีบทบาทในการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนฟื้นฟูการประมงของประเทศ

สำหรับความก้าวหน้าล่าสุดของโครงการฝึกอบรม “ไต๋รักษ์ชาติ” (Thai Smart Master Fisher for Sustainable Fisheries) ผู้ที่ผ่านการอบรมได้รวมพลังกันจัดตั้ง “เครือข่ายไต๋รักษ์ชาติ” ขึ้น การรวมตัวกันในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพเดียวกันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงพลังของ “ผู้นำทางทะเล” ที่พร้อมขับเคลื่อนภาคการประมงไทยให้เติบโตอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรประมงของประเทศให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

กรมประมงขอแสดงความยินดีกับไต๋เรือที่ผ่านการอบรมทุกท่าน และขอชื่นชมที่ได้ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายไต๋รักษ์ชาติขึ้น ขอให้นำความรู้และทักษะที่ได้รับจากการอบรมไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล เพื่อร่วมกันส่งต่อ ท้องทะเลไทยที่อุดมสมบูรณ์ ให้คงอยู่เป็นมรดกทางธรรมชาติสู่คนรุ่นหลังอย่างยั่งยืนต่อไป…อธิบดีกรมประมง กล่าวทิ้งท้าย