กรมชลฯเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ พร้อมจับตาสถานการณ์น้ำท่าตลอด 24 ชั่วโมง

กรมชลฯเดินหน้าบริหารจัดการน้ำ พร้อมจับตาสถานการณ์น้ำท่าตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

กรมชลประทาน สั่งทุกโครงการชลประทานจับตาสภาพอากาศรวมทั้งสถานการณ์น้ำท่าตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำตามมาตรการรับมือน้ำหลาก กำหนดพื้นที่ กำหนดคน กำหนดเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำจุดเสี่ยง พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที

 

กรมชลประทาน รายงานถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ( 16ก.ย. 64) ว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 43,112 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีกรวม 32,348  ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 9,804 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 3,108 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่ทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้วรวม 15.01 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 89 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 6.86 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 86 ของแผนฯ เฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ปัจจุบัน(16 ก.ย. 64)เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวข้าวหมดแล้ว หลังจากนี้จะเตรียมพื้นที่เป็นพื้นที่หน่วงน้ำต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกส่วนใหญ่ในขณะนี้ ยังคงอยู่ในพื้นที่ท้ายอ่างฯ ทำให้จำเป็นต้องเก็บกักน้ำไว้ในพื้นที่ตอนบนให้ได้มากที่สุด จึงได้สั่งการโครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เร่งเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาทิ แก้มลิง หนอง บึง ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจทำการเพาะปลูกต่อไป

 

ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน(16 ก.ย. 64) ปริมาณน้ำท่าจากพื้นที่ตอนบนที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มลดลงแล้ว ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ ในเกณฑ์ 1,754 ลบ.ม./วิ แนวโน้มลดลง กรมชลประทาน ได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 498 ลบ.ม./วิ  พร้อมปรับลดปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ 1,338 ลบ.ม./วิ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อยนอกคันกั้นน้ำ ตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลดลงตามไปด้วย เเต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และน้ำท่าจากตอนบนเนื่องจากยังคงอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลากปี 2564  ทั้งนี้ จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ หากมีแนวโน้มว่าจะมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้น จะประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบต่อไป

 

กรมชลประทาน จะเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพของพื้นที่ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ ประจำจุดเสี่ยงพร้อมปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา ที่สำคัญได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานระดับจังหวัดในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาล จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด  หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านหรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา